ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดรอยตีนกับความยาวลำตัวของสัตว์ปีกดึกดำบรรพ์ กรณีศึกษาไก่ ไก่งวง และนกยูง

รอยตีนไดโนเสาร์ เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่บอกถึงการปรากฏตัวบนโลกของสัตว์เลื้อยคลานโบราณที่เรียกว่า ไดโนเสาร์ ได้พบแหล่งรอยตีนของสัตว์ในอดีตมากมายล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีค่า ซึ่งรอยตีนเป็นสิ่งที่ทำให้เราทราบถึงรูปร่างภายนอกของสัตว์  ทำให้นักโบราณชีววิทยาสามารถสร้างภาพ ไดโนเสาร์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้  ซากไดโนเสาร์ที่พบส่วนใหญ่มักเป็นซากกระดูก  การสร้างภาพจากโรงกระดูกไม่ใช่ของง่าย  ภาพที่สร้างอาจผิดไปจากของจริงอย่างสิ้นเชิงได้  นอกจากนี้แล้วรอยตีนยังเป็นเครื่องชี้นำให้เราทราบถึงเรื่องราวในอดีตของโลกเราอีกด้วย

dinosaur-footการศึกษารอยตีน มีผู้ศึกษาหลายท่าน อาทิเช่น แม็กนีล  อเล็กซานเดอร์ ทัลบอร์น  และเวด  โทนี  ทัลบอร์น  แบคเกอร์ เป็นต้น โดยมีการศึกษาและคำนวณความเร็ว ความสูงจากส้นเท้าถึงสะโพกและท่วงท่าการเดินของไดโนเสาร์จากรอยตีน

จากความสำคัญของรอยตีนไดโนเสาร์ดังกล่าวจะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวของไดโนเสาร์มากยิ่งขึ้น  แต่ยังไม่มีข้อมูลการเปรียบเทียบรอยตีนไดโนเสาร์กับสัตว์ปีกปัจจุบัน  เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างรอยตีนกับความยาวของลำตัวของไดโนเสาร์  หากนำข้อมูลรอยตีนสัตว์ปีกในปัจจุบันมาเปรียบเทียบน่าจะทำให้ได้ค่าคงที่เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการสร้างภาพไดโนเสาร์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ได้

รอยตีนและแนวรอยตีน แต่ละลักษณะให้ข้อมูลที่บอกให้ทราบถึงขนาดและลักษณะการเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ได้   รอยตีนหลายๆ รอยที่ปะกอบกันเป็นแนวรอยตีน จะบ่งบอกลักษณะการเคลื่อนไหวจากการก้าวเท้าต่อเนื่องกันหลายๆ ก้าวของไดโนเสาร์  แนวรอยตีนจะเป็นภาพการเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์กว่ารอยตีนเดี่ยวๆ  และช่วยให้เห็นท่วงท่า  การย่างก้าว และอัตราความเร็วได้อย่างครบถ้วน รอยตีนเดี่ยวจึงเปรียบได้กับภาพนิ่ง ส่วนแนวรอยตีนก็เปรียบเหมือนภาพยนตร์หรือภาพชุด แนวรอยตีนจะช่วยให้ทราบว่า เจ้าของรอยตีนนั้นเป็นสัตว์ใหญ่หรือเล็ก และเดินด้วยสองตีน หรือสี่ตีน ไดโนเสาร์บางประเภท เช่น เทอโรพอดที่กินเนื้อ และออร์นิโธพอด เป็นไดโนเสาร์ที่เดิน 2 ตีน ในขณะที่บรอนโตซอร์และไดโนเสาร์พวกที่มีแผงเกราะ มีเกล็ดแข็งและมีเขา เป็นไดโนเสาร์ที่เดินสี่ตีน ไดโนเสาร์ส่วนใหญ่จะมีเท้าหน้าเล็กกว่าเท้าหลังมาก

ดังนั้น การศึกษารอยตีนต้องทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ อีกมาก นอกเหนือจากรูปทรงสัณฐาน การวัดแนวรอยตีนหรือการนับรอยนิ้วตีนและการจัดทำรายการรูปร่างนิ้วตีน ส่วนของรอยตีนหรือรอยทางเดินอาจพบว่ามีรูปทรงไม่ชัดเจนเหมือนภาพที่อยู่ในตำราเรียน  การได้มีโอกาสพินิจพิเคราะห์ เก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่พบจริงในทุกสภาพทุกลักษณะที่ปรากฏจะสามารถทำให้เรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับร่องรอยนั้นได้

ปริศนาไดโนเสาร์ที่ทิ้งไว้เพียงร่อยรอยบนแผ่นหินริมลำธารกลางวนอุทยานภูแฝก จ.กาฬสินธุ์ จะสามารถบอกเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเจ้าของรอยนี้ได้บ้าง? การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรอยตีนดึกดำบรรพ์กับความยาวลำตัวของไดโนเสาร์ที่ภูแฝก โดยหาความสัมพันธ์ระหว่างรอยตีนของสัตว์ปีกในปัจจุบันกับขนาดลำตัว แล้วนำความสัมพันธ์ที่ได้ไปคำนวณหาขนาดลำตัวจากรอยตีนของไดโนเสาร์ที่วนอุทยานภูแฝก  เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่

ผลการวิจัยในกลุ่มตัวอย่างสัตว์ปีก ได้แก่ ลูกไก่ ไก่ชน นกยูง และ ไก่งวง พบว่าสัดส่วนความยาวของตีน ความสูงจากส้นตีนถึงสะโพก และความยาวลำตัวมีความสัมพันธ์กันทั้งสัดส่วนที่คงที่และสัดส่วนที่แตกต่างกันซึ่งเกิดจากความแตกต่างของวัยด้วย และเมื่อนำความสัมพันธ์ของสัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบกับไดโนเสาร์กลุ่มไทรันโนซอริเดพบว่ามีความใกล้เคียงกัน

สรุปได้ว่า การศึกษาอัตราส่วนในสัตว์ปัจจุบันทำให้เราพบว่าขนาดของร่างกายแต่ละส่วนมีความสัมพันธ์กันไม่เพียงแต่ในสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่ยังมีความสัมพันธ์ในระดับต่างชนิด รวมถึงสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปนานมากแล้วอย่างไดโนเสาร์ อาจจะเป็นไปได้ว่าสัดส่วนเหล่านี้มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ ตัวอย่างเช่น ช่วยในการสร้างความสมดุลของร่างกาย เพื่อความได้เปรียบในการเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขึ้น

ที่มา : วารสาร สควค. ฉบับที่ 16 หน้าที่ 7 เขียนโดย ครูณรงค์ฤทธิ์  ประเสริฐสุข สควค.รุ่น 5 ครู ร.ร.บ้านทรัพย์สมบูรณ์ จ.ขอนแก่น (บุคคลในภาพ)
หมายเหตุ : คำว่า “รอยตีน” เป็นคำเรียกที่ถูกต้องสำหรับการศึกษาเรื่อง รอยตีนของสัตว์ (จะไม่เรียกว่า รอยเท้า) และเป็นคำสุภาพสำหรับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์



Leave a Comment